พระพุทธสุวรรณติโลกนาถปุญญาวาสสถิต วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติประจำจังหวัดเชียงราย ศูนย์พัฒนาคุณธรรม- จริยธรรมประจำจังหวัดเชียงราย ได้ทำการจัดสร้างอุโบสถขึ้นจำนวนหนึ่งหลัง เพื่อใช้ทดแทนถ้ำ
วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ เป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐาน ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ ประจำจังหวัดเชียงรายแห่งที่๕ เป็นศูนย์พัฒนาคุณธรรม-จริยธรรม ประจำจังหวัดเชียงราย ตลอดทั้งปีจะมีกิจกรรมการปฏิบัติธรรมในวันสำคัญทางศาสนาและวันนักขัตฤกษ์ อีกทั้งยังมีสาธุชนเดินทางเข้าไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลา ๓,๕,๗,๙ วัน เป็นประจำทั้งปี โดยที่ผ่านมาวัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญได้ใช้ถ้ำ ซึ่งมีอยู่แต่เดิมในสถานที่สมมติเป็นอุโบสถ และทำสังฆกรรมในการบรรพชา-อุปสมบทพระภิกษุ นอกจากนี้ยังได้จัดงานประพฤติวัตรปริวาสกรรมสำหรับพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศ เป็นประจำทุกปีๆ ละ ๒ ครั้งด้วยกัน แต่ทั้งนี้เมื่อมีพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากได้ไปร่วมอยู่ปริวาสกรรมจึงทำให้บริเวณถ้ำนั้นคับแคบลง ในช่วงฤดูฝนก็เกิดน้ำเจิ่งนองก่อให้เกิดความลำบากแก่พระภิกษุสงฆ์ ด้วยเหตุนี้ วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ จึงได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถขึ้นใหม่หนึ่งหลัง โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ จากนั้นจึงได้กำหนดให้มี พิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก ๕๙ นิ้ว เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ อุโบสถวัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ โดยนำความขึ้นกราบทูล สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดยพระองค์ทรงพระเมตตาประทาน
ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นที่สักการะแด่พระภิกษุสงฆ์ และ พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ทั้งยังเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาในอันที่จะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่า และเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ในปีประสูติการครบ ๙๖ พระพรรษา และในมงคลวโรกาสที่พระองค์ทรงได้รับการสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราชครบ ๒ ทศวรรษ ในศกนี้ด้วย
เททองหล่อพระพุทธรูป การเททองหล่อพระพุทธรูปได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จ สำเร็จลุล่วงลงด้วยดี ดังภาพบรรยากาศที่นำมาให้ชม มีมหาชนไปร่วมบุญกุศลในครั้งนี้จำนวนมาก สถานที่ที่ใช้ในการเททองหล่อพระพุทธรูปนั้นก็ได้ดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่บริเวณ ทุ่งลุมพลี ซึ่งเป็น ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงม้า หรือเรียกอีกประการหนึ่งว่า พระเจดีย์ภูเขาทอง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การดำเนินงานในครั้งนี้ เมตตานำโดย พระครูจันทนิภากร(หลวงพ่อถวิล จนฺทสโร) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยคณะพระภิกษุสงฆ์ และประชาชนพร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมแรง ร่วมใจกันทำงานครั้งนี้ให้ลุล่วงลงด้วยดี ทั้งนี้โดยได้รับความเมตตาจาก คุณประชุม-คุณสกลศรี มาลีนนท์ พร้อมครอบครัวมาลีนนท์ และคณะ รวมถึงพนักงานในหน่วยงานของท่าน ได้ให้ความช่วยเหลือ ได้รับเป็นเจ้าภาพในการเททอง หล่อพระพุทธรูปในครั้งนี้ ขออนุโมทนาสาธุการ ขอกุศลนี้จงยังครอบครัวและกิจการงานของท่านเจ้าภาพ จงประสบพบแต่ ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งในปัจจุบันและอนาคตกาลเบื้องหน้านั้นด้วยเทอญฯ ตำนานการสร้างพระพุทธรูป พระเจ้าปเสนทิโกศลเมื่อมิได้เห็นและฟังธรรมจากผู้มีพระภาคเจ้าเหมือนเช่นแต่ก่อนมา ทำให้บังเกิดความระลึกถึงสุดที่จะระงับ เฝ้าแต่รำพึงรัญจวนอยู่มิสร่างซา ทั้งนี้ก็ด้วยความเคารพและศรัทธา พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงสั่งเจ้าพนักงานหาท่อนไม้แก่นจันทน์หอมอย่างดีมาถวาย แล้วโปรดให้นายช่างแกะเป็นรูปพระพุทธเจ้าปางประทับนั่ง มีพระรูปโฉมงามละม้ายคล้ายพระบรมศาสดา ประดิษฐาน ไว้ในพระราชนิเวศน์ที่พระพุทธองค์เคยประทับเพื่อทอดพระเนตร และสักการบูชาเหมือนแต่ก่อนมาพอให้คลายความอาวรณ์การระลึกถึงได้บ้าง ครั้นภายหลังเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จจากดาวดึงส์พิภพกลับมาสู่นครสาวัตถี
พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงอาราธนาทูลให้เสด็จทอดพระเนตรไม้แก่นจันทน์ที่นายช่างจำลองขึ้นอันประดิษฐานอยู่ ณ พระราชสถานในพระราชนิเวศน์
พระไม้แก่นจันทน์นั้นได้กระทำเหมือนหนึ่งจิตรู้จักปฏิสันถารในกิจที่ควร อันต้องลุกขึ้นถวายความเคารพพระบรมศาสดา พระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์จึงขยับพระองค์เขยื้อนเลื่อนลงจากพระแท่นที่ประทับ พระพุทธองค์ได้ทรงยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นห้าม
พร้อมตรัสว่า พระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์ที่พระเจ้าปเสนทิโกศลโปรดให้สร้างขึ้น ตามตำนานดังกล่าวมานี้ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งสาธุชนจะได้ใช้เป็นแบบอย่างสร้างพระพุทธรูป เมื่อพระพุทธองค์ทรงล่วงลับไปแล้ว ความที่กล่าวไว้ในตำนานประสงค์ที่จะอ้างอิงว่าพระพุทธรูปแก่นจันทน์องค์นั้น เป็นแบบอย่างของพระพุทธรูปซึ่งสร้างกันต่อมาภายหลัง หรืออีกนัยหนึ่งคือว่าพระพุทธรูปมีขึ้น โดยพระบรมพุทธานุญาตและเหมือนพระพุุทธองค์เพราะตัวอย่างสร้างขึ้นตั้งแต่ในครั้งพุทธกาล จากหลักฐานทางศิลปกรรม การสร้างรูปเคารพของพระพุทธเจ้าที่เป็นรูปมนุษย์ปรากฏเป็นครั้งแรก หลักฐานการสร้างพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดียปรากฏขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๗ โดยเกิดขึ้นในสมัยของพระเจ้ากนิษกะแห่งราชวงศ์กุษาณะที่แคว้นคันธารราฐ ราวๆ พ.ศ. ๖๖๓-๗๐๕ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรมาซิโดเนีย ทางตอนเหนือของประเทศกรีซ ได้สร้างจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่่ครอบคลุมคาบสมุทรบอลข่าน อียิปต์ ตุรกี และเปอร์เซีย จนมาถึงดินแดนภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียที่แคว้น คันธารราฐ ในพุทธศตวรรษที่ ๓ คติการสร้างรูปเคารพเป็นพระพุทธรูปจึงน่าจะได้แรงบันดาลใจจากอิทธิพลของชาวกรีก ที่แพร่หลายตั้งแต่ในครั้งนั้น และนำเอาคติความเชื่อต่างๆ เข้ามาผสมผสานกับความเชื่อเดิมของ ชาวพื้นเมือง ส่งผลให้นำความนิยมในการสร้างรูปเคารพเทพเจ้าของชาวกรีกมาสร้างเป็นพระพุทธรูปขึ้น ดังนั้นพระพุทธรูปสมัยคันธารราฐซึ่งเป็นสมัยแรกสุดที่มีการสร้างพระพุทธรูป จึงมีลักษณะเป็นแบบชาวกรีกค่อนข้างมาก ทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะการ ครองจีวร การสร้างพระพุทธรูปไม่ใช่การสร้างรูปเหมือนของพระพุทธเจ้าแต่เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ ดังนั้นลักษณะของพระพุทธรูปในแต่ละสกุลช่างและแต่ละสมัยจึงแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพระพุทธรูปจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันแต่ในการสร้างพระพุทธรูป จะมีสัญลักษณ์สำคัญที่บ่งบอกว่ารูปนั้นเป็นพระพุทธองค์ เรียกว่า มหาปุริลักษณะ หรือ ลักษณะของมหาบุรุษรวม ๓๒ ประการ เช่น มีขนระหว่างคิ้ว เรียกว่า อุณาโลม มีส่วนบนของศีรษะนูนสูงขึ้นคล้ายสวมมงกุฎเรียกว่า อุณหิส หรืออุษณีษะ หรือพระเกตุมาลา นอกจากนี้ยังมีพระรัศมีที่เปล่งออกมาจากพระเศียรของพระพุทธรูป ทำเป็นตุ่มกลมคล้ายดอกบัวตูม หรือชูสูงขึ้นคล้ายเปลวไฟ หากจะถามว่าพระพุทธรูปเริ่มเข้ามาปรากฏในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดนั้น จากหลักฐานทางโบราณคดีซึ่งได้มีการค้น พบพระพุทธรูปในประเทศไทยรุ่นเก่าแก่สุด คือ พระพุทธรูปสมัยอมราวดี (ศิลปะอินเดีย ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๗-๙) และศิลปะสมัยคุปตะ (ศิลปะอินเดีย ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๙-๑๑) เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็ก จึงสันนิษฐานว่าเป็นสิ่งที่ ชาวอินเดียนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับการเดินทางค้าขาย และน่าจะเป็นผู้ที่นำเอาพระพุทธศาสนา เข้ามาเผยแผ่ในดินแดนแถบนี้ด้วย ส่วนการสร้างพระพุทธรูปในดินแดนไทยน่าจะเกิดขึ้นราวๆ พุทธศตวรรษ
ที่ ๘-๙
ในสมัยก่อนทวารวดี โดยได้พบหลักฐานการสร้างศาสนสถานพระพุทธรูปและรูปพระสงฆ์ที่บริเวณเมืองโบราณอู่ทอง มติมหาเถรสมาคมเรื่องการสร้างพระพุทธรูป มติมหาเถรสมาคม สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมมติที่ ๘๐/๒๕๔๕ นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ "อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป" สร้างพระปฏิมา...ก่อเกื้อพระศาสนา
ปิดทองพระพุทธรูป วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ ทำการปิดทองพระพุทธรูป พระพุทธสุวรรณติโลกนาถปุญญาวาสสถิต ได้มีขึ้นในวันจันทรที่ ๒๓-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ นี้ โดยได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณ พระพิพิธพัฒนาทร วัดปริวาศ กรุงเทพฯ ได้เมตตานำคณะพระภิกษุสงฆ์และศิษยานุศิษย์ขึ้นไปทำการปิดทองพระพุทธรูปให้เป็นเวลา ๓ วัน ซึ่งขั้นตอนการปิดทองนั้นในวันจันทร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน เมื่อคณะเดินทางไปถึงประมาณบ่าย ๓ โมง ก็ได้ทำนั่งร้านและทาสีลงรักเป็นอันดับแรก โดยสีแรกที่ลงนั้นก็เป็นพื้นสีแดง จากนั้นรอจนกระทั่งสีแห้งประมาณ ๖ โมงเย็น ก็ลงสีอีกหนึ่งรอบ รอจนสีรองพื้นแห้งก็ลงพื้นสีเหลืองเป็นสีสุุดท้ายในเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม จากนั้นท่านก็ทิ้งไว้รอให้รองพื้นแห้งในวันรุ่งขึ้น ซึ่งในวันที่ ๒๔ นี้ ท่านเริ่มลงมือทำงานกันตั้งแต่ ๖ โมงเช้าเป็นต้นไป โดยเริ่มปิดทองตั้งแต่พระเกศ พระเศียร และท่านเจ้าคุณได้ทำการปิดทองพระพักตร์ ส่วนพระภิกษุสงฆ์ท่านก็ได้ช่วยกันปิดทองจากด้านบนสุดลงสู่ด้านล่าง ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ปิดทองด้านบนก็ขึ้นอยูบนนั่งร้าน ส่วนด้านล่างก็มีอีกหนึ่งส่วนที่ทำการปิดทอง โดยเมื่อพระภิกษุท่านปิดทองจนได้เวลาพอสมควร ก็เวียนเปลี่ยนให้คณะลูกศิษย์ ฝ่ายฆราวาสขึ้นไปทำการปิดทองแทนคือท่านจะทำการปิดทองทั้งวันโดยไม่มีการหยุดพัก เมื่อพระภิกษุต้องฉันเพลคณะศิษย์ก็สับเปลี่ยนขึ้นไปทำการปิดทองต่อจนเวลา ๓ ทุ่ม ในวันรุ่งขึ้น ๖ โมงเช้า ก็ทำการปิดฐานพระพุทธรูปจนแล้วเสร็จ
พิธีสมโภชน์พระพุทธรูป ในนาม วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ ขอกราบอนุโมทนาขอบพระคุณแด่ท่านเจ้าคุณ พระพิพิธพัฒนาทร และคณะพระภิกษุสงฆ์พร้อมศิษยานุศิษย์ทีมงาน วัดปริวาศ กรุงเทพฯทุกท่าน ที่ได้เมตตา ได้ทำการปิดทองพระพุทธรูป "พระสุวรรณติโลกนาถปุญญาวาสสถิต" ซึ่งเป็นพระประธาน ในอุโบสถของ วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ และขอขอบพระคุณมายังท่านเจ้าภาพปิดทองทุกท่าน นำโดย คุณประชุม มาลีนนท์ ที่เป็นเจ้าภาพปิดทองในครั้งนี้ ขอกุศลทั้งมวล จงเป็นพลวปัจจัย เป็นนิสสัยเสริมส่งให้มีความสุขทุกสถานและทุกเวลาทั้งในปัจจุบันและอนาคตนั้นเทอญฯ |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ ประจำจังหวัดเชียงราย ศูนย์พัฒนาคุณธรรม-จริยธรรมประจำจังหวัดเชียงราย ๓๙๕ หมู่ ๑๑ ตำบลธารทอง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ๕๗๒๕๐ โทรศัพท์ (๐๕๓)๑๘๔ ๓๒๕ โทรสาร (๐๕๓)๑๘๔ ๓๒๕ website : www.watthumpra.com email : watthumprachiangrai@gmail.com |