"ทรงรับหญ้าคา"

พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษทอดพระเนตรเห็นถาดทองลอยทวนกระแสชล เป็นนิมิตเหมือนดังอธิษฐานจึงทรงโสมนัส เสด็จสู่ร่มสาลพฤกษ์ ต้นสาละหรือต้นรัง อันร่มรื่น

พระโพธิสัตว์ทรงพักผ่อนกลางวันอยู่ในสาลวันอันมีดอกบานสะพรั่งใกล้ฝั่งแม่นํ้า ในเวลาเย็นเป็นเวลาดอกไม้ทั้งหลายหลุดจากขั้ว ได้เสด็จบ่ายหน้าไปสู่ร่มสาลพฤกษ์ ต้นสาละหรือต้นรัง อันร่มรื่น ดุจราชสีห์เยื้องกรายฉะนั้น ตามหนทางกว้างประมาณ ๘ อุสภะ ซึ่งเทวดาทั้งหลายตกแต่งไว้ นาค ยักษ์และสุบรรณเป็นต้น ได้บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น อันเป็นทิพย์ หมื่นโลกธาตุได้มีกลิ่นหอมเป็นอันเดียวกัน มีระเบียงดอกไม้เป็นอันเดียวกัน และ มีเสียงสาธุการเป็นอันเดียวกัน

ครานั้นพราหมณ์ชื่อ โสตถิยะ เป็นคนหาบหญ้า ถือหญ้า ๘ กำ เดินสวนทางมา เมื่อพบพระองค์ผู้มีพระสิริงามสง่าดุจพญาไกรสรสีหราชก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงนำหญ้าคาทั้ง ๘ กำนั้น น้อมเข้าไปถวาย
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์ทรงรับหญ้าคาจากโสตถิตพราหมณ์แล้ว ครั้นถึงเวลาบ่ายจึงเสด็จบทจร ออกจากสาลพฤกษ์เพื่อดำเนินไปสู่ร่มไม้ อสัตถโพธิฤกษ์มณฑล ใต้ ร่มโพธิ์ สู่ร่มโพธิพฤกษ ทางด้านทิศบรูพา(ทิศตะวันออก)

ได้ประทับยืนทาง ด้านทิศใต้ ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ขณะนั้น
.. จักรวาลด้านทิศใต้ทรุดลงได้ เป็นประหนึ่งว่าจรดถึงอเวจีเบื้องล่าง
.. จักรวาลด้านทิศเหนือลอยขึ้นได้ เป็นประหนึ่งจรดถึงภวัคคพรหมในเบื้องบน
นัยว่า ในที่ที่พระมหาบุรุษนั้นประทับยืนแล้วมหาปฐพีได้ยุบลงและฟูขึ้น พระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า ที่ตรงนี้เห็นจะไม่เป็นสถานที่ที่จะให้บรรลุพระสัมโพธิญาณ เหมือนล้อเกวียนใหญ่ซึ่งตั้งติดอยู่ในดุม ถูกคนเหยียบริมขอบ-วงของกงล้อฉะนั้น พระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า สถานที่นี้เห็นจะไม่เป็นสถานที่ให้บรรลุพระสัมโพธิญาณ จึงกระทำประทักษิณ 

เสด็จไปทาง ด้านทิศเหนือ ประทับยืนผินพระพักตร์ไปทางด้านทิศใต้ ลำดับนั้น
.. จักรวาลด้านทิศเหนือได้ทรุดลงได้ เป็นประหนึ่งจรดถึงอเวจีในเบื้องล่าง
.. จักรวาลด้านทิศใต้ลอยขึ้นได้ เป็นประหนึ่งจรดถึงภวัคคพรหมในเบื้องบน
พระโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า แม้สถานที่นี้ก็เห็นจะไม่ใช่สถานที่เป็นที่ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณ
จึงทรงกระทำประทักษิณ

เสด็จไปยัง ด้านทิศตะวันออก ประทับยืนผินพระพักตร์ไปทางด้านทิศตะวันตก ด้วยสถานที่ตั้งบัลลังก์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง มีอยู่ในด้านทิศตะวันออก สถานที่นั้นจึงไม่หวั่นไหวไม่สั่นสะเทือน พระโพธิสัตว์ทรงทราบว่า สถานที่นี้เป็นที่อันพระพุทธเจ้าทั้งปวง ไม่ทรงละ (พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องตรัสรู้ ณ ที่นี้) เป็นสถานที่ไม่หวั่นไหว เป็นสถานที่กำจัดกรงคือกิเลส จึงทรงจับปลายหญ้าแล้วเขย่าเพื่อปูลาด ทันใดนั้นเองได้มีบัลลังก์ ๑๔ ศอก หญ้าแม้เหล่านั้นก็คงตั้งอยู่ โดยการลาดเห็นปานนั้น ซึ่งช่างเขียนหรือช่างฉาบแม้ผู้ฉลาดยิ่งก็ไม่สามารถจะเขียนหรือฉาบทาได้

พระองค์ทรงปูลาดหญ้าคาต่างบัลลังก์ ณ ควงไม้อสัตถโพธิพฤกษ์ แล้วประทับนั่งขัดสมาธิ อธิษฐานในพระหฤทัยว่า
     
     “ตราบใดที่ยังมิได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ จะไม่ลุกขึ้น
     แม้เลือดเนื้อจะแห้งเหือดไปเหลือแต่กระดูกและเส้นเอ็นก็ตาม”


ในหนังสือพระปฐมสมโพธิกถา กล่าวว่าเมื่อทรงปูลาดหญ้าคาทั้ง ๘ กำ ณ ควงไม้มหาโพธิ์ พระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า
     
    “ถ้าจะตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ
     ขอจงบังเกิดเป็นรัตนบัลลังก์ปรากฏในที่นี้”


พลันวชิรอาสน์รัตนบัลลังก์ คือบัลลังก์แก้ว อันวิจิตรงามตระการสูง ๑๔ ศอก โดยประมาณ ก็พลันอุบัติขึ้นแทนบัลลังก์หญ้าคาด้วยบุญญานุภาพแห่งพระบรมโพธิสัตว์ นั่นจึงเป็นปฐมเหตุในการนำหญ้าคามาทำเป็นอุปกรณ์ในการรดน้ำพระพุทธมนต์