
"อสงไขย"
อสงไขยเวลา
เรื่องอสงไขย กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขย แปลว่า นับไม่ได้ คือ ไม่สามารถที่จะนับเวลานั้นออกมาเป็นจำนวนกี่เดือน กี่ปี จึงจะเรียกได้ว่า อสงไขย โดยได้มีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
ฝนตกใหญ่มโหฬารทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลานานถึง
๓ ปีติดต่อกันมิได้หยุดมิได้ขาดสายเม็ดฝนจนน้ำฝน
เจิ่งนองท่วมท้นเต็มขอบเขาจักรวาล อันมีระดับความสูง
ได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ และถ้าสามารถนับเม็ดฝน และหยาด
แห่งเม็ดฝนที่กระจายเป็นฟองฝอยใหญ่น้อย ในขณะที่
ฝนตกใหญ่ ๓ ปีติดต่อกันนั้น นับได้จำนวนเท่าใด
อสงไขยหนึ่งเป็นจำนวนปีเท่ากับเม็ดฝนและหยาดแห่ง
เม็ดฝนที่นับได้นั้น
ที่มา : มุนีนาถทีปนี หนังสือชนะเลิศรางวัลวรรณกรรมไทยของ ธ.กรุงเทพ
รจนาโดย พระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ปธ.๙)
อสงไขย (สันสกฤต: อสํเขฺยย) หมายถึง นับไม่ถ้วน, ไม่ง่ายที่จะนับ, หรือเป็นตัวบอกปริมาณ (เป็นคำอุปสรรค, prefix) สำหรับจำนวน ๑๐ ยกกำลัง๑๔๐ (เลข ๑ แล้วตามด้วยเลข ๐ ต่อท้ายทั้งหมด ๑๔๐ ตัว)จึงเรียกว่า อสังขยา หรือ อสงไขย
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้นิยามว่า หนึ่งอสงไขยเท่ากับหนึ่งโกฏิยกกำลัง ๒๐ หมายถึง (๑๐๗) ๒๐ ซึ่งก็เท่ากับ ๑๐ ยกกำลัง๑๔๐ เช่นกัน
บางตำรากล่าวว่าหมายถึงเลข ซึ่งมีหลายความหมาย พระพุทธภัทระตีความว่า a=๕, b=๑๐๓ ส่วนพระศิกษานันทะตีความว่า a=๗, b=๑๐๓ และ Thomas Cleary ตีความว่า a=๑๐, b=๑๐๔
อสงไขยเป็นปริมาณหรือจำนวนที่ไม่อาจคำนวณได้ มีอุปมาว่า ประมาณเม็ดฝนของการเกิดฝนตกใหญ่อย่างมโหฬารทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลานานถึง ๓ ปี ไม่ได้ขาดสายเลย
อสงไขยใช้เป็นหน่วยสำหรับสิ่งใดก็ได้ เช่น มีถั่วเป็นจำนวน ๑ อสงไขยเมล็ด ในศาสนาพุทธมักจะใช้กล่าวถึง ระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์สร้างสมบารมีมาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า โดยนับหน่วยเวลาเป็นอสงไขยกัป ซึ่ง ๑ อสงไขย เป็นตัวบ่งปริมาณ (prefix) เช่นเดียวกับคำว่า สิบ, ร้อย, พัน, หมื่น, แสน, ล้าน ฯลฯ โดยที่ อสงไขย คือ ๑ ตามด้วยเลข ๐ จำนวน ๑๔๐ ตัว หรือ ๑๐ ยกกำลัง ๑๔๐ ดังนั้น "อสงไขยกัป" หมายถึงจำนวนกัปทั้งหมด ๑๐ ยกกำลัง ๑๔๐ กัป (จำนวนครั้งที่จักรวาลเกิดแล้วดับทั้งหมด ๑ แล้วตามด้วยเลข ๐ ทั้งหมด ๑๔๐ ตัว ซึ่งนับได้ว่ายาวนานมาก ๆ)
นอกจากนี้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถายัง มีการใช้คำว่า "อสงไขย" เฉย ๆ ด้วยเช่นกัน แต่ในความหมายที่ว่า มากมาย หรือ นับไม่ถ้วน (infinity) ไม่ได้ใช้ในแง่ของการบอกปริมาณว่าเท่ากับ ๑๐ ยกกำลัง ๑๔๐ และไม่ได้หมายถึงอสงไขยกัปเช่น
|
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กัปหนึ่ง มี ๔ อสงไขย ๔ อสงไขย เป็นไฉน?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใด กัปเสื่อม ตลอดกาลนั้นไม่ง่ายเพื่อจะนับ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใด สังวัฏฏกัป ตั้งอยู่ ฯลฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใด กัปเจริญ ตลอดกาลนั้นไม่ง่ายที่จะนับ"
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใด วิวัฏฏกัป ตั้งอยู่ ฯลฯ
|
|
องฺ. จตุกก. เล่ม ๒๑/ข้อ ๑๕๖ |
วิธีการนับอสงไขยในแง่ปริมาณ
การนับอสงไขยให้เทียบเอาดังนี้
- สิบ สิบหน เป็น หนึ่งร้อย
- สิบร้อย เป็น หนึ่งพัน
- สิบพัน เป็น หนึ่งหมื่น
- สิบหมื่น เป็น หนึ่งแสน
- ร้อยแสน เป็นหนึ่งโกฏิ
- ร้อยแสนโกฏิ เป็น หนี่งปโกฏิ
- ร้อยแสนปโกฏิ เป็น หนึ่งโกฏิปโกฏิ
- ร้อยแสนโกฏิปโกฏิ เป็น หนึ่งนหุต
- ร้อยแสนนหุต เป็น หนึ่งนินนหุต
- ร้อยแสนนินนหุต เป็น หนึ่งอักโขเภนี
- ร้อยแสนอักโขเภนี เป็น หนึ่งพินทุ
- ร้อยแสนพินทุ เป็น หนึ่งอพุทะ
- ร้อยแสนอพุทะ เป็น หนึ่งนิระพุทะ
- ร้อยแสนนิระพุทะ เป็น หนึ่งอหหะ
- ร้อยแสนอหหะ เป็น หนึ่งอพพะ
- ร้อยแสนอพพะ เป็น หนึ่งอฏฏะ
- ร้อยแสนอฏฏะ เป็น หนึ่งโสคันธิกะ
- ร้อยแสนโสคันธิกะ เป็น หนึ่งอุปละ
- ร้อยแสนอุปละ เป็น หนึ่งกมุทะ
- ร้อยแสนกมุทะ เป็น หนึ่งปทุมะ
- ร้อยแสนปทุมะ เป็น หนึ่งปุณฑริกะ
- ร้อยแสนปุณฑริกะ เป็น หนึ่งอกถาน
- ร้อยแสนอกถาน เป็น หนึ่งมหากถาน
- ร้อยแสนมหากถาน เป็น หนึ่งอสงไขย
หมายเหตุ: ร้อยแสน=สิบล้าน
จำนวนอสงไขย
อสงไขย มี 7 อสงไขย คือ
- นันทอสงไขย
- สุนันทอสงไขย
- ปฐวีอสงไขย
- มัณฑอสงไขย
- ธรณีอสงไขย
- สาครอสงไขย
- บุณฑริกอสงไขย
ที่มา : wikipedia
|