
"อบายภูมิ ๔ "
อบายภูมิ คือ ภูมิกำเนิดที่ปราศจากความเจริญ เป็นสถานที่ที่สัตว์ไปเกิดแล้วไม่มีโอกาสกระทำ กุศลกรรมหรือความดีเลยแม้แต่น้อย เป็นภูมิที่ต่ำที่สุดในบรรดาภูมิทั้งหมด อบายภูมิมีทั้งหมด ๔ ภูมิ ได้แก่
๐
นิรยภูมิ
๐
เปตติวิสยภูมิ
๐
อสุรกายภูมิ และ
๐
ติรัจฉานภูมิ
นิรยภูมิ
นิรยภูมิ หรือ โลกนรก คือ โลกที่ไม่มีความสุขสบาย เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ล้วนๆ ปราศจากความสุขโดยสิ้นเชิง สัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในโลกนรกนี้ไม่มีความสุขแม้สักนิดหนึ่งเลย โลกนรกนี้มี อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมาก แบ่งเป็นเขตๆ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง เรียกว่า ขุม สัตว์นรกที่บังเกิดขึ้น ในแต่ละขุม จะได้รับทุกขเวทนาแตกต่างกัน แล้วแต่อกุศลกรรมที่ตัวเคยกระทำไว้ ในนิรยภูมินี้แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่
๐
มหานรก
๐
อุสสทนรก และ
๐
ยมโลก
มหานรก (นรกใหญ่)
นิรยภูมิประเภทที่ใหญ่ที่สุด เรียกว่า มหานรก มีทั้งหมด ๘ ขุม ตั้งซ้อนเรียงกันอยู่เป็นชั้น ๆ มี นายนิรยบาลหรือเจ้าหน้าที่ในมหานรก ซึ่งเกิดจากอำนาจบาปกรรมของสัตว์นรก คอยลงทัณฑ์สัตว์นรก ด้วยอาการต่าง ๆ มหานรกมี ๘ ขุม ดังต่อไปนี้
สัญชีวมหานรก
คือ มหานรกที่ไม่มีวันตาย เหล่าสัตว์ต้องเสวยผลกรรมชั่วที่ตัวได้กระทำ ไว้อย่างแสนสาหัส เช่น ถูกนายนิรยบาลจับมัดแล้วบังคับให้นอนลงเหนือแผ่นเหล็กแดงที่ร้อนด้วยไฟนรก ถูกฟันด้วยดาบนรก อันคมกล้าจนร่างกายขาดเป็นท่อนๆ ถูกถาก ถูกเฉือนเนื้อจนหมด ร่างกายเหลือแต่ เพียงโครงกระดูก เมื่อสิ้นใจตายก็จะมี ลมกรรม พัดมาต้องกายให้กลับฟื้นขึ้นมาอีก เป็นๆ ตายๆ อยู่ อย่างนี้จนสิ้นอายุขัย เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะทำกรรมปาณาติบาตเป็นส่วนมาก
กาฬสุตตมหานรก
คือ มหานรกที่ลงโทษตามเส้นด้ายดำ เหล่าสัตว์จะถูกนายนิรยบาลจับ มัดให้นอนเหนือแผ่นเหล็กแดง แล้วเอาด้ายดำ ที่ทำด้วยเหล็กนรกใหญ่เท่าลำตาลมาตีบนร่างจนเป็นรอยเส้น จากนั้นก็เอาเลื่อยมาเลื่อย หรือเอาขวานมาผ่า หรือเอามีดนรกมาเฉือนกรีด ตามเส้นด้ายดำที่ตีไว้จนกาย ขาดเป็นท่อน ๆ เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะทำอทินนาทาน ชอบลักขโมยเป็นส่วนมาก
สังฆาฏมหานรก
คือ มหานรกที่บดขยี้ร่างกายสัตว์ เหล่าสัตว์จะถูกกองไฟนรก ที่มีอยู่เต็ม ไปหมดแผดเผาให้ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส จากนั้นก็ปรากฏภูเขาเหล็กนรก ๒ ลูกกลิ้งมาบีบขยี้ร่าง จนแหลกลาญ เปรียบเหมือนหีบอ้อยที่บดอ้อยให้แหลกละเอียดฉะนั้น เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะประพฤติ ผิดในกามเป็นส่วนมาก
โรรุวมหานรก
คือ มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญคราง เหล่าสัตว์ต้องเสวยทุกขเวทนา ในดอกบัวเหล็ก โดยนอนคว่ำหน้าอยู่กลางดอกบัว ศีรษะจมเข้าไปแค่คาง ปลายเท้าจมลงไปแค่ข้อเท้า มือทั้งสองกางจมมิดแค่ข้อมือ แล้วเปลวไฟก็เผาไหม้ดอกบัวเหล็กพร้อมกับสัตว์นรก จะตายก็ไม่ตาย ต้องทรมานจนสิ้นอายุขัย เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะมีวจีกรรมชั่วหยาบเป็นส่วนมาก
มหาโรรุวมหานรก
คือ มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางมากมาย เหล่าสัตว์ต้อง ถูกลงโทษโดยเข้าไปยืนในดอกบัวเหล็ก ซึ่งมีกลีบที่แหลมคมและร้อนแรงมาก ถูกไฟนรกแผดเผาตั้งแต่ พื้นเท้าจนถึงศีรษะและแลบเข้าไปในทวารทั้ง ๙ เผาไหม้ทั้งข้างในข้างนอก เพราะมีเปลวไฟอันร้อนแรงเช่นนี้ นรกขุมนี้จึงมีชื่ออีกอย่างว่า ชาลโรรุวมหานรก มหานรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางเพราะเปลวไฟ มิหนำซ้ำยังถูกนายนิรยบาลกระหน่ำตีศีรษะด้วยกระบองเหล็กมีไฟลุกโชนอีก เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะชอบเสพสุราและยาเสพติดต่างๆ เป็นส่วนมาก
ตาปนมหานรก
คือ มหานรกที่ทำสัตว์ให้เร่าร้อน เหล่าสัตว์ถูกบังคับให้ขึ้นไปบนปลายหลาว เหล็กใหญ่เท่าต้นตาล แดงฉานด้วยเปลวไฟ แล้วเสียบตนเองอยู่บนปลายหลาวนั้นจนเนื้อหนังสุกพอง อุปมาเหมือนเนื้อเสียบไม้ ปิ้งให้สุกบนถ่านไฟฉะนั้น เมื่อเนื้อสุกแล้วสุนัขนรกตัวใหญ่เท่าช้างสารก็วิ่งมางับ แล้วกระชากสัตว์นรกนั้นลงมาจากหลาวเหล็ก ด้วยความหิวกระหาย ฉีกเนื้อเคี้ยวกินจนเหลือแต่กระดูก เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะทำกรรมเกี่ยวกับการพนันเป็นส่วนมาก
มหาตาปนมหานรก
คือ มหานรกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนอย่างมากมายเหลือประมาณ เหล่าสัตว์ต้องได้รับทุกข์อันเกิดจากความร้อนของไฟนรกที่แรงที่สุด นรกขุมนี้ทั้งลึกทั้งกว้าง สัตว์นรกถูก นายนิรยบาลเอาดาบ แหลน หลาว ซึ่งลุกแดงด้วยเปลวไฟไล่ทิ่มแทง บังคับให้ขึ้นไปบนภูเขาไฟ แล้วถูกลมกรดอันร้อนแรงพัดตกลงมาถูกขวากหนามเบื้องล่างเสียบทะลุเลือดแดงฉาน เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะเป็นนักเลงอบายมุข คือทำอบายมุขทุกข้อ
อเวจีมหานรก
คือ มหานรกที่ปราศจากคลื่น คือความเบาบางแห่งความทุกข์ระหว่างแห่ง เปลวไฟไม่มีว่างเว้นเลย ไม่ใช่บางคราก็หนัก บางคราก็เบาอย่างขุมอื่น อเวจีมหานรกนี้เป็นขุมใหญ่ที่สุด ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กอันลุกโชนด้วยเปลวไฟ ภายในมีเปลวไฟร้อนระอุ ไหม้สัตว์นรกอยู่เนืองนิตย์ สัตว์นรก ในขุมนี้มีมากกว่าขุมอื่นๆ แออัดกันอยู่ภายในกำแพง การเสวยทุกข์นั้นแตกต่างกันไปหลายอิริยาบถ เช่น ถ้าเคยยืนทำบาปไว้ก็ต้องมาทนทุกข์ในท่ายืน ถ้าเคยเดินทำบาปก็ต้องมาทนทุกข์ในท่าเดิน เคยทำบาปกรรม ด้วยอาการอย่างไรก็ต้องมาเสวยทุกข์ด้วยอาการอย่างนั้น
เหตุที่มาเกิดในขุมนี้ เพราะทำกรรมหนัก คือ อนันตริยกรรม ได้แก่ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำโลหิตุปบาท ทำสังฆเภท
อุสสทนรก (นรกขุมบริวาร)
อุสสทนรกเป็นนรกขุมบริวาร เมื่อสัตว์นรกใช้กรรมในมหานรก จนกระทั่งกรรมเบาบางลงแล้ว จะมารับกรรมในอุสสทนรกต่อไป มหานรกขุมหนึ่ง ๆ มีอุสสทนรกตั้งอยู่โดยรอบทั้ง ๔ ทิศ ทิศละ ๔ ขุม รวมเป็น ๑๖ ขุม เมื่อ รวมอุสสทนรกที่เป็นบริวารของมหานรกทุกขุมแล้ว จะมีจำนวนทั้งหมด ๑๒๘ ขุม อุสสทนรกทั้ง ๔ ขุมใน แต่ละทิศนั้นมีชื่อเรียกของตัวเอง ซึ่งเป็นชื่อเหมือนกันกับอุสสทนรกในทิศอื่น ๆ และเป็นเช่นนี้กับมหานรกทุกขุม ต่างกันแต่เพียงความหนักเบาของทุกข์โทษเท่านั้น ดังนั้นจึงจะขอกล่าวถึงอุสสทนรกเพียง ๔ ขุม ตามลำดับโดยสังเขปดังต่อไปนี้
- คูถนรก นรกขุมนี้เต็มไปด้วยหมู่หนอนมีปากแหลมดังเข็ม ตัวโตเท่าช้างสาร คอยกัดกินเนื้อของสัตว์นรก จนหมดไม่เหลือแม้แต่กระดูก หนอนที่ตัวเล็กก็จะเข้าไปกัดกินอวัยวะภายในของสัตว์นรก
- กุกกุฬนรก เป็นนรกที่เต็มไปด้วยเถ้ารึงที่ร้อนแรงสำหรับแผดเผาสรีระของสัตว์นรกให้ไหม้เป็นจุลไป หากบาปกรรมยังไม่สิ้นก็ต้องได้รับทุกข์ทรมาน ตาย เกิด ตาย เกิด อยู่อย่างนี้ตลอดไป
- อสิปัตตนรก สัตว์นรกจะถูกใบมะม่วงนรกปลิวลงมากลายเป็นหอก เป็นดาบ ทิ่มแทงให้เป็นแผลเหวอะหวะ บางทีก็ขาดเป็นท่อนๆ เมื่อสัตว์นรกวิ่งหนีออกมา จะมีกำแพงเหล็กลุกเป็นไฟผุดขึ้นมากั้นขวางหน้าไว้ จากนั้นสุนัขนรก และแร้งนรกปากเหล็กตัวใหญ่โต ก็จะมารุมฉีกทึ้งกัดกินเนื้อ
- เวตรณีนรก สัตว์นรกถูกเครือหวายเหล็กบาดร่างกายให้เป็นแผล อยู่ในน้ำเค็ม แล้วก็เกิดเปลวไฟเผาไหม้ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในน้ำเค็มนั้น เมื่อจมลึกลงไปก็ถูกกลีบบัวและใบบัวบาดร่างกายให้ขาดวิ่น ดิ้นทุรนทุรายประดุจ ปลาถูกทุบหัว และถูกนายนิรยบาลจ้วงแทงด้วยหอกแหลนหลาว เหมือนกับเราแทงปลาด้วยฉมวก จากนั้นนายนิรยบาลจะเอาเบ็ดนรกเกี่ยวขึ้นมานอนเหนือแผ่นเหล็กแดง เอาก้อนเหล็กแดงและน้ำทองแดง ใส่ปาก อวัยวะภายในลุกไหม้ไหลทะลักออกมา ไส้ใหญ่ไส้น้อยขาดกระจุยกระจายเรี่ยราดออกมาหมด

ยมโลก(นรกขุมย่อย)
สัตว์นรกเมื่อได้รับกรรมในอุสสทนรกแล้ว หากกรรมยังไม่สิ้น ก็ต้องมาเสวยทุกข์ในยมโลกต่อไป มหานรกขุมหนึ่ง ๆ มียมโลกตั้งอยู่โดยรอบทั้ง ๔ ทิศ ทิศละ ๑๐ ขุม รวมเป็น ๔๐ ขุม เมื่อรวมยมโลกที่ตั้งอยู่ โดยรอบมหานรกทุกขุมแล้ว จะมีจำนวนทั้งหมด ๓๒๐ ขุม ยมโลกทั้ง ๑๐ ขุมในแต่ละทิศมีชื่อเรียกของตัวเอง เป็นชื่อเหมือนกันกับยมโลกในทิศอื่น ๆ และเป็นเช่นนี้กับมหานรกทุกขุม ต่างกันแต่เพียงความหนักเบา ของทุกข์โทษเท่านั้น
ส่วนเจ้าหน้าที่ในยมโลกที่คอยตัดสินโทษและลงทัณฑ์สัตว์นรก คือ กุมภัณฑ์ เป็นเทวดาที่มีนิสัย ดุร้าย อาจเป็นพญายมราช สุวรรณเลขา สุวานเลขา หรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ มิใช่เกิดจากแรงกรรมอย่างในมหานรก ยมโลกที่มีชื่อเรียกเหมือนกัน ๑๐ ขุม มีดังต่อไปนี้
๐ โลหกุมภีนรก สัตว์นรกถูกจับลงไปในหม้อเหล็กใบใหญ่เท่าภูเขาที่มีน้ำแสบ น้ำร้อน เดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา บางทีนายนิรยบาลก็เอาเชือกเหล็กแดงรัดคอแล้วบิดจนคอขาด เหตุที่ได้รับกรรม เช่นนี้เพราะทำปาณาติบาต
๐ สิมพลีนรก สัตว์นรกชายหญิงผลัดกันปีนขึ้นไปหากันบนต้นงิ้วนรก ที่มีหนามเหล็กแหลม ลุกเป็นไฟ ถูกหนามงิ้วบาดจนตัวขาดทะลุ บางทีก็โดนแร้งกานรกปากเหล็กจิกทึ้งเนื้อกิน เหตุที่ได้รับกรรม เช่นนี้ เพราะประพฤติล่วงกาเมสุมิจฉาจาร
๐ อสินขนรกสัตว์ นรกมีเล็บมือเล็บเท้าที่ยาวและแหลมเป็นอาวุธ คอยถากตะกุยเนื้อหนัง ของ ตนกินเป็นอาหาร เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้ เพราะกระทำอทินนาทาน ลักเล็กขโมยน้อย ขโมยของสงฆ์ เป็นต้น
๐ ตามโพทกนรก สัตว์นรกนอนหงายเหนือแผ่นเหล็กแดง นายนิรยบาลเอาน้ำทองแดง เดือดพล่านในหม้อมากรอกปาก น้ำนรกลวกอวัยวะภายในจนแตกเปื่อยพังทลาย เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้เพราะ ดื่มสุราเมรัยเป็นนิตย์
๐ อโยคุฬนรก สัตว์นรกในขุมนี้มีแต่ความหิวโหย ครั้นเห็นก้อนเหล็กแดง ก็คิดว่าเป็นอาหาร เที่ยววิ่งเข้าไปยื้อแย่งกัดกิน ก้อนเหล็กแดงนั้นก็ไหม้ไส้พุงให้ขาดกระจัดกระจายเต็มไปหมด เหตุที่ได้รับ กรรมเช่นนี้ เพราะยักยอกทรัพย์ของส่วนรวม หรือทรัพย์ที่เขาบริจาคในการกุศลมาใช้สอยส่วนตน
๐ ปิสสกปัพพตนรก สัตว์นรกถูกภูเขานรกใหญ่ตั้งอยู่ในทิศทั้ง ๔ กลิ้งมาบดทับ จนบี้แบน กระดูกแตกป่นละเอียด เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้เพราะเป็นเจ้าบ้านเจ้าเมืองที่อันธพาลกดขี่ข่มเหงประชาชน พลเมืองให้เดือดร้อนกันไปทั่ว
๐ ธุสนรก สัตว์นรกมีความกระหายน้ำยิ่งนัก ครั้นเมื่อพบสระน้ำใสเย็น ก็ดื่มกินเข้าไป ด้วยอำนาจกรรมบันดาลให้น้ำนั้นกลับกลายเป็นแกลบ เป็นข้าวลีบลุกเป็นไฟ ไหม้ไส้ใหญ่ไส้น้อยให้ไหล ออกมาทางทวารเบื้องล่าง เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้เพราะเป็นพ่อค้าแม่ค้าทุจริต คดโกง เอาของแท้ปนของเทียม แล้วขาย เป็นต้น
๐ สีตโลสิตนรก สัตว์นรกต้องตกลงไปในน้ำที่เย็นยะเยือก และตายเพราะความเย็นนั้น พอ กลับเป็นขึ้นมาใหม่ก็ถูกจับโยนลงไปอีก เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้เพราะเป็นคนใจบาป จับสัตว์เป็นๆ โยนลงใน เหวในน้ำ เป็นต้น
๐ สุนขนรก เป็นนรกที่เต็มไปด้วยสุนัขนรก 5 จำพวก คือ สุนัขดำ สุนัขขาว สุนัขเหลือง สุนัขแดง สุนัขด่าง คอยไล่ขบกัดสัตว์นรกอยู่ไม่ว่างเว้น เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้เพราะมีวาจาชั่ว ด่าว่าบิดา มารดา พี่ป้าน้าอา ผู้เฒ่าผู้แก่ ด่าทอผู้ทรงศีลทรงธรรมไม่เลือกหน้า
๐ ยันตปาสาณนรก สัตว์นรกถูกจับโยนเข้าไปให้ภูเขานรก 2 ลูก บดกระทบกัน จนกระดูก ป่นปี้ เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้ เพราะเป็นผู้มีใจบาปหยาบช้า ด่าทอประหัตประหารคู่ครองของตน

โลกันตนรก
เป็นนรกขุมพิเศษ ที่มีแต่ความมืดมนอนธการ สัตว์นรกมีร่างกายใหญ่โต ใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะ ห้อยโหนอยู่ตามเชิงจักรวาล ครั้นปีนป่ายไปถูกเนื้อตัวเพื่อนสัตว์นรกด้วยกันก็คิดว่าเป็นอาหาร รี่เข้าคว้ากัดกิน ไล่ฟัดกันจนพลัดตกลงไปในทะเลน้ำกรดอันเย็นยะเยือก ฤทธิ์น้ำกรดกัดร่างกายจนเปื่อยพังแหลกละลายลง เมื่อกลับเป็นขึ้นมาใหม่ ก็รีบปีนขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลอีก ต้องทุกข์ทรมานอย่างนี้ สิ้นกาลนาน ต่อเมื่อ พระพุทธองค์มาอุบัติขึ้นในโลก จึงปรากฏแสงสว่างขึ้นแวบหนึ่ง ชั่วสายฟ้าแลบ
เหตุที่ได้รับกรรมเช่นนี้เพราะประพฤติตนเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรงกล้า เที่ยวกระทำอกุศลกรรม ด้วยใจบาปหยาบช้าสามานย์เป็นอาจิณ ประทุษร้ายท่านผู้ทรงศีลเป็นนิตย์ เป็นต้น
ตารางแสดงอายุของสัตว์นรกเปรียบเทียบกับอายุมนุษย์
แผนภูมิแสดง มหานรก อุสสทนรก ยมโลก ของขุมนรกขุมหนึ่ง
มหานรก |
อายุสัตว์นรก
(ปีนรก) |
๑ วัน ๑ คืนนรก/ ล้านปีมนุษย์ |
อายุของสัตว์นรก
(ล้านปีมนุษย์) |
|
ขุมที่ 1 สัญชีวมหานรก |
๕๐๐ |
๙ |
๑,๖๒๐,๐๐๐ |
|
ขุมที่ 2 กาฬสุตตมหานรก |
๑,๐๐๐ |
๓๖ |
๑๒,๙๖๐,๐๐๐ |
|
ขุมที่ 3 สังฆาฏมหานรก |
๒,๐๐๐ |
๑๔๔ |
๑๐๓,๖๘๐,๐๐๐ |
|
ขุมที่ 4 โรรุวมหานรก |
๔,๐๐๐ |
๕๗๖ |
๘๓๑,๐๔๐,๐๐๐ |
|
ขุมที่ 5 มหาโรรุวมหานรก |
๘,๐๐๐ |
๒,๓๐๔ |
๖,๖๓๕,๕๒๐, ๐๐๐ |
ขุมที่ 6 ตาปนมหานรก |
๑๖,๐๐๐ |
๙,๒๑๖ |
๕๓,๐๘๔,๑๖๐,๐๐๐ |
|
ขุมที่ 7 มหาตาปนมหานรก |
มีอายุประมาณครึ่งอันตรกัป |
|
ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก |
มีอายุประมาณ 1 อันตรกัป |
|
|