ภพ-ภูมิ หมายถึง โลกหรือสถานที่อันเป็นที่อาศัยอยู่ของสรรพสัตว์ผู้ยังมีกิเลส ยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน นั่นหมายความว่ามนุษย์ตลอดถึงสรรพสัตว์ทั้งปวงเมื่อยังไม่หมดกิเลส ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ และเสวยผลแห่งกรรมตามแต่กุศลและอกุศลที่ตนสั่งสมไว้ ภพ-ภูมิ ทางพระพุทธศาสนา ในสมัยพุทธกาลปรากฏเมื่อ พระอนุรุทธะ ผู้เป็นเลิศทางทิพยจักษุได้ตอบพระสารีบุตรถึง ป่าโคสิงคสาลวัน งามด้วยภิกษุเช่นไร พระอนุรุทธะ ตอบว่า "ท่านสารีบุตร ภิกษุในพระศาสนานี้ย่อมตรวจดูโลกพันหนึ่ง ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีจักุษุขึ้นปราสาทอันงดงามชั้นบน พึงแลดูมณฑลแห่งกงตั้งพันได้ ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมตรวจดูโลกพันหนึ่งด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ สำหรับจักรวาลหลาย ๆ จักรวาลที่มารวมตัวกัน พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า โลกธาตุ โดยในจูฬนีสูตร ได้กล่าวถึงลักษณะของจักรวาล ๓ อย่าง คือ ๑. โลกธาตุมีขนาดเล็ก เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ มี ๑,๐๐๐ จักรวาล ในทางพระพุทธศาสนาได้พูดถึงโครงสร้างของจักรวาลว่า ทุกๆ จักรวาลจะประกอบด้วยไตรภพ คือ หรือจัดแบ่งได้ดังนี้ คือ ๑. อบายภูมิ มี ๔ คือ ๒. กามสุคติภูมิ มี ๗ คือ ๓.รูปภูมิ มี ๑๖ คือ ๔. อรูปภูมิ มี ๔ คือ บุคคลที่จะถือกำเนิดบนสวรรค์นั้น เมื่อเป็นมนุษย์ต้องหมั่นสร้างความดี สั่งสมบุญ บำเพ็ญบารมี หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น ผลแห่งความดีนั้นจะนำให้ไปเกิดบนสวรรค์ จะได้เสวยทิพยสมบัติ ที่ละเอียดประณีตแตกต่างกัน มีรัศมีกายมากน้อยต่างกันเพียงไร ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการทำความดี ซึ่งพอจะแบ่งได้เป็น ๔ ประการ ดังต่อไปนี้ ๑. ทำความดีเพราะความกลัว คือทำความดีเผื่อเอาไว้ว่า หากนรกมีจริง ความดีนี้ก็จะช่วยตนให้ ไม่ต้องตกนรกได้ อย่างนี้ทำความดีได้ไม่เต็มที่ อุปมาเหมือนเด็กอนุบาลทำดีเพราะกลัวครู หรือพ่อแม่ตี เมื่อละโลกแล้ว ผลบุญส่งให้ไปเป็นได้เพียงภุมมเทวา รุกขเทวา หรืออากาสเทวา ๒. ทำความดีเพราะหวังสิ่งตอบแทน เมื่อทำความดีครั้งใด ใจจะคอยแต่คิดหวังลาภหรือของ รางวัลต่าง ๆ กลับคืนมา อุปมาเหมือนเด็กประถมทำดีเพื่อให้ครูแจกขนมหรือให้พ่อแม่ซื้อของเล่นให้ เมื่อละโลกแล้วผลบุญส่งให้ไปเป็นเทวดาไม่สูงไปกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ๓. ทำความดีเพราะหวังคำชม ต้องได้รับคำสรรเสริญจึงจะมีกำลังใจทำความดี อุปมาเหมือนเด็กมัธยมทำดีเพราะอยากได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง เมื่อละโลกแล้วผลบุญส่งให้ไปเป็นเทวดา ไม่สูงไปกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ๔. ทำความดีเพื่อความดี คือทำความดีเพราะคิดว่านั่นเป็นความดี เป็นสิ่งที่ควรทำ ใครจะให้หรือ ไม่ให้ของใด ๆ ก็ยังทำความดี ใครจะชมหรือไม่ชมก็ยังทำความดี เพราะมั่นใจในความดีที่ตนทำ อุปมาเหมือนนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ทำดีเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ เมื่อละโลกแล้ว ผลบุญส่งให้ไปเป็นเทวดา ตั้งแต่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับความประณีตของใจในขณะทำความดี ตารางแสดงอายุของชาวสวรรค์เปรียบเทียบกับอายุมนุษย์
อบคุณข้อมูลจาก : /book.dou.us/doku
|